‘ทิพานัน’สวนเด็กเพื่อไทย แจงยิบงบฯ63ไม่หว่านแห-ไม่มีให้เปล่า

เมื่อวันที่ 16 ตุลาคม น.ส.ทิพานัน ศิริชนะ รองโฆษกพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) กล่าวถึงกรณี นายเผ่าภูมิ โรจนสกุล รองเลขาธิการพรรคเพื่อไทย (พท.) วิจารณ์การจัดทำงบประมาณรายจ่ายประจำ ปี 2563 ว่าให้หว่านเหวี่ยงและหยุดแจกแบบให้เปล่านั้น ว่า เป็นการวิจารณ์บนพื้นฐานของความเข้าใจที่คลาดเคลื่อนอยู่หลายประการ ประเด็นแรก ให้หยุดหว่านแห โดยยกตัวอย่างโครงการ “ชิม ช้อป ใช้” นั้น ยิ่งชัดเจนว่า นายเผ่าภูมิมีความไม่เข้าใจว่าเป็นเพียงมาตรการกระตุ้นศรษฐกิจในระยะสั้น และเมื่อพิจารณาถึงรายละเอียดของโครงการ จะพบว่าไม่ใช่การหว่านแหแต่อย่างใด ตรงกันข้ามกลับเฉพาะเจาะจงที่จะกระตุ้นให้ประชาชนเดินทางไปจับจ่ายใช้สอยข้ามจังหวัด กระตุ้นการท่องเที่ยวและเศรษฐกิจชุมชนในจังหวัดนั้นๆ รวมทั้งมีระบบที่สามารถตรวจสอบการใช้จ่ายได้จริง กระทั่งมีเม็ดเงินย้อนกลับเข้ามาหมุนเวียนในระบบ โดยล่าสุดกระทรวงการคลัง โดยกรมบัญชีกลาง ได้สรุปการใช้จ่ายโครงการชิม ช้อป ใช้ ตั้งแต่วันที่ 27 ก.ย.เป็นต้นมา พบว่ามีจำนวนผู้ใช้สิทธิ 6,507,594 คน คิดเป็นการใช้จ่าย 6,229.2 ล้านบาท การกระจายรายได้สู่ท้องถิ่นให้มีเงินหมุนเวียนในระบบ ย่อมส่งผลดีต่อชุมชนโดยตรงแน่นอน
ส่วนกรณีที่ให้หยุดแจกแบบให้เปล่าและให้มุ่งเน้น Active Welfare นั้น น.ส.ทิพานัน กล่าวว่า หากเข้าใจหลักการแล้ว จะพบว่าไม่มีเม็ดเงินที่รัฐบาลให้เปล่า การมุ่งเน้นให้มีการเกิดการใช้จ่ายที่เกิดจากการท่องเที่ยว เป็นการมุ่งเน้นให้ระดับฐานรากให้มีเม็ดเงินในระดับท้องถิ่น นำไปสู่ในการฟื้นฟูเศรษฐกิจชุมชน ประชาชนมีงานทำงานในพื้นที่ มีแรงจูงใจที่จะพัฒนาทั้งฝีมือและการบริการต่างๆ จนนำไปสู่การจัดสวัสดิการแบบ Workfare ไม่ใช่ Active Welfare ที่ประชาชนจะรอแรงจูงใจจากภาครัฐอย่างเดียว ซึ่งการที่พรรคเพื่อไทยมองแค่ว่าประชาชนจะรอการช่วยเหลือจากรัฐอย่างเดียวนั้น อาจจะดูถูกประชาชนในพื้นที่เกินไป
นอกจากนี้ ประเด็นอื่นที่นายเผ่าภูมิ กล่าวว่าให้ใช้งบประมาณสร้างอุตสาหกรรมใหม่ ให้ใช้งบประมาณไปสร้างงาน สร้างผลิตภาพ รวมไปถึงใช้งบประมาณไปสร้างการแข่งขันนั้น น.ส.ทิพานัน กล่าวต่อว่า อยากชวนให้ฝ่ายค้านศึกษาโครงการ “ประชารัฐสร้างไทย” ที่บูรณาการความร่วมมือระหว่างภาครัฐและเอกชนในการขับเคลื่อนการพัฒนาเศรษฐกิจฐานรากของชุมชนของประเทศไปจนถึงระดับโลก ซึ่งพรรคพลังประชารัฐให้ความสำคัญกับการเดินหน้าประเทศไทยให้เติบโตอย่างยั่งยืน สร้างชุมชนฐานรากให้แข็งแกร่ง
น.ส.ทิพานัน กล่าวต่อว่า แม้แต่การเติมเงินในบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ เพื่อช่วยเหลือประชาชนผู้มีรายได้น้อย เงินเหล่านั้นเข้าไปหมุนเวียนในระบบ ไปซื้อข้าวของเครื่องใช้อุปโภคบริโภคในชีวิตประจำวัน ก็แปลกลับมาเป็นภาษีที่ต้องจ่ายให้กับผู้ประกอบการส่งให้คลังอยู่แล้ว ฉะนั้นจึงไม่มีเงินที่ให้เปล่า พร้อมกันนี้ รัฐบาลได้ตั้งเป้าหมายงบลงทุนช่วงไตรมาส 4/2562 ไว้ 3 หมื่นล้านบาท และในปี 2563 ตั้งงบลงทุนไว้ประมาณ 1 แสนล้านบาท เพื่อสนับสนุนและส่งเสริมการค้าและอุตสาหกรรมใหม่ ซึ่งหากฝ่ายค้านมีข้อเสนอที่จะช่วยกันสร้างความเข้าใจอันดีและช่วยกันคิดเพื่อพัฒนาประเทศ ก็สามารถเสนอแนะอย่างเป็นรูปธรรมมาได้ ไม่ใช่ตั้งคำถามแบบหว่านแห ตั้งคำถามแบบการตีเช็คเปล่าเช่นนี้