ทั้งนี้ เพราะจดหมายส่วนตัวดังกล่าวลงวันที่ 22 สิงหาคม 2562 หลังจากวันที่นายธนาธรทราบคำสั่งศาลให้หยุดปฏิบัติหน้าที่ ส.ส. ถึง 3 เดือน และจดหมายส่วนตัวดังกล่าวใช้เวลาเกือบ 1 สัปดาห์ในการส่งทางอีเมลโดยที่ไม่แสดงหลักฐานการส่งอีเมลด้วย การที่นายธนาธรโพสต์ข้อความพร้อมจดหมายดังกล่าวน่าจะหวังผลในการประชาสัมพันธ์ชวนเชื่อกู้ภาพลักษณ์ของตน เพราะจดหมายดังกล่าวไม่มีผลทางกฎหมาย
น.ส.ทิพานัน กล่าวต่อว่า เมื่ออ่านและแปลใจความย่อหน้าที่ 3 โดยละเอียดสามารถเข้าใจว่าจดหมายนี้กล่าวถึงการพักการดำเนินการตามแผนในกรณีที่นายธนาธรถูกตัดสิทธิ์ในฐานะสมาชิกรัฐสภา เหตุขาดคุณสมบัติ(disqualify) ไม่ใช่จดหมายการขอเลื่อนการปฏิบัติตามข้อตกลงเพราะถูกศาลสั่งหยุดปฏิบัติหน้าที่ส.ส.ชั่วคราว(suspension) ตามที่เคยอ้าง
นอกจากนี้ เมื่ออ่านข้อความต่อมาในย่อหน้าเดียวกัน ที่ระบุว่า “หากศาลรัฐธรรมนูญอนุญาตให้ผมกลับมาทำหน้าที่สมาชิกรัฐสภาตามเดิม เราจะลงนามในสัญญาและเริ่มต้นการบังคับใช้แผนการดังกล่าวโดยเร็วที่สุด” นั้น เมื่อพิจารณาความหมายในประโยค “… we would sign the deals …” จึงเกิดความสงสัยว่าที่ผ่านมานายธนาธรได้ลงนามแล้วจริงหรือไม่ หรืออาจมีการทำหนังสือทางการเพื่อขอยกเลิก MOU ที่ลงนามโชว์สื่อไปแล้ว ดังนั้นจึงต้องมีการลงนามในสัญญาหากศาลรัฐธรรมนูญอนุญาตให้กลับมาปฏิบัติหน้าที่
“การเปิดเผยเพื่อความโปร่งใส ควรเป็นการเปิดเผยข้อมูลให้ประชาชนทราบก่อนที่ข้อมูลนั้นจะถูกเปิดเผยและตั้งคำถามโดยสาธารณชน การที่นายธนาธรชี้แจงรายละเอียดเป็นเพียงการตอบคำถามที่ประชาชนสงสัยถึงปมการปกปิดข้อมูลเท่านั้น ไม่น่าจะถือว่าเป็นมาตรฐานจริยธรรมทางการเมืองใหม่ที่มีความโปร่งใสหรือเปิดเผยแต่อย่างใด” น.ส.ทิพานัน กล่าว