รองโฆษกรัฐบาล

25 กรกฎาคม 2023

ครม.แนะลดความรุนแรงในครอบครัว ย้ำช่องแจ้งเหตุฉุกเฉินผ่านไลน์OA “ESS Help Me” สายด่วน 1300

น.ส.ทิพานัน ศิริชนะ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยผลการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) วันที่ 25 กรกฎาคม 2566 ว่า ที่ประชุมครม. มีมติรับทราบรายงานข้อมูลสถานการณ์ด้านความรุนแรงในครอบครัว ประจำปี 2563 และ 2564 ซึ่งเป็นการดำเนินการตามบทบัญญัติมาตรา 17 แห่งพระราชบัญญัติคุ้มครองผู้ถูกกระทำด้วยความรุนแรงในครอบครัว พ.ศ. 2550 ตามที่กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์เสนอ

 

ข้อมูลสถานการณ์ความรุนแรงต่อเด็ก สตรี และความรุนแรงในครอบครัว ปี 2563 และปี 2564 ที่รวบรวมจากหน่วยงานต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้อง ได้แก่
1. ข้อมูลสถานการณ์ความรุนแรงต่อเด็ก สตรี และความรุนแรงในครอบครัว ปี 2563 ที่รวบรวมจากกระทรวงสาธารณสุข พบว่า ผู้ถูกกระทำความรุนแรงเข้ารับบริการที่ศูนย์พึ่งได้ใน รพ. จำนวน 566 แห่ง หรือจำนวน 16,676 ราย มีผู้ถูกกระทำความรุนแรงที่เป็นเพศหญิง จำนวน 15,090 ราย รองลงมาเป็นเพศชาย จำนวน 1,575 ราย และเพศทางเลือก จำนวน 11 ราย โดยมีค่าเฉลี่ยผู้ถูกกระทำความรุนแรง จำนวน 46 รายต่อวัน
2. ข้อมูลสถานการณ์ความรุนแรงต่อเด็ก สตรี และความรุนแรงในครอบครัว ปี 2564 ที่รวบรวมจากกระทรวงสาธารณสุข พบว่า ผู้ถูกกระทำความรุนแรงเข้ารับบริการที่ศูนย์พึ่งได้ใน รพ. จำนวน 543 แห่ง หรือจำนวน 16,672 ราย มีผู้ถูกกระทำความรุนแรงที่เป็นเพศหญิง จำนวน 15,056 ราย รองลงมาเป็นเพศชาย จำนวน 1,605 ราย และเพศทางเลือก จำนวน 11 ราย โดยมีค่าเฉลี่ยผู้ถูกกระทำความรุนแรง จำนวน 46 รายต่อวัน
3. ตามระบบฐานข้อมูลความรุนแรงต่อเด็ก สตรี และความรุนแรงในครอบครัว ภายใต้เว็บไซต์ www.violence.in.th โดยกรมกิจการสตรี และสถาบันครอบครัว กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ แสดงจำนวนเหตุการณ์ความรุนแรงในครอบครัวที่เข้าสู่กระบวนการตาม พ.ร.บ.ฯ โดยจำแนกตามความสัมพันธ์ระหว่างผู้กระทำและผู้ถูกกระทำ ช่วงอายุ ประเภท สาเหตุ และสถานที่เกิดเหตุการณ์ความรุนแรงในครอบครัวที่บันทึกในปี 2563 มีจำนวนทั้งสิ้น 1,789 เหตุการณ์ และในปี 2564 จำนวนทั้งสิ้น 2,114 เหตุการณ์
ข้อมูลความรุนแรงในครอบครัวตาม ม. 17 แห่ง พ.ร.บ. คุ้มครองผู้ถูกกระทำด้วยความรุนแรงในครอบครัว พ.ศ. 2550 คือ จำนวนคดีการกระทำความรุนแรงในครอบครัว จำนวนคำสั่งกำหนดมาตรการหรือวิธีการเพื่อบรรเทาทุกข์ และจำนวนการละเมิดคำสั่งกำหนดมาตรการ หรือวิธีการเพื่อบรรเทาทุกข์ของพนักงานเจ้าหน้าที่และศาล และจำนวนการยอมความ จาก3 หน่วยงานในกระบวนการยุติธรรมที่เกี่ยวข้อง 3 หน่วยงาน และข้อมูลคดีตามระบบฐานข้อมูลความรุนแรงต่อเด็ก สตรี และความรุนแรงในครอบครัว (www.violence.in.th) พบว่า
1. สำนักงานตำรวจแห่งชาติ มีจำนวนคดีการกระทำความรุนแรงในครอบครัว ในปี 2563 จำนวน 223 คดี ร้องทุกข์ จำนวน 185 คดี ไม่ร้องทุกข์ จำนวน 38 คดี โดยมีการออกคำสั่งกำหนดมาตรการหรือวิธีการเพื่อบรรเทาทุกข์ จำนวน 7 คำสั่ง และมีการยอมความชั้นสอบสวน จำนวน 40 คำสั่ง สำหรับในปี 2564 จำนวน 85 คดี ร้องทุกข์ จำนวน 84 คดี ไม่ร้องทุกข์ จำนวน 1 คดี โดยมีการออกคำสั่งกำหนดมาตรการหรือวิธีการเพื่อบรรเทาทุกข์ จำนวน 5 คำสั่ง และมีการยอมความชั้นสอบสวน จำนวน 1 คำสั่ง
2. สำนักงานอัยการสูงสุด มีจำนวนคดีที่เข้าสู่กระบวนการในชั้นพนักงานอัยการในปี 2563 จำนวน 165 คดี คดีสั่งฟ้อง จำนวน 157 เรื่อง ไม่ฟ้อง จำนวน 4 เรื่อง ยุติคดี (ยอมความ) จำนวน 4 เรื่อง และใช้มาตรการตาม ม.10 จำนวน 13 เรื่อง สำหรับในปี 2564 คดีที่เข้าสู่กระบวนการในชั้นพนักงานอัยการจำนวน 314 คดี คดีสั่งฟ้อง จำนวน 282 เรื่อง ไม่ฟ้อง จำนวน 3 เรื่อง ยุติคดี (ยอมความ) จำนวน 10 เรื่อง และใช้มาตรการตาม ม.10 จำนวน 6 เรื่อง
3. สำนักงานศาลยุติธรรม มีคดีฟ้องต่อศาลโดยตรงในปี 2563 จำนวน 53 คดี โดยศาลยุติธรรมมีคำสั่งกำหนดมาตรการ/วิธีการเพื่อบรรเทาทุกข์ ม.10 ว.2 จำนวน 1 คำสั่ง สำหรับในปี 2564 มีคดีฟ้องต่อศาลโดยตรง จำนวน 168 คดี และศาลยุติธรรมไม่มีคำสั่งกำหนดมาตรการ/วิธีการเพื่อบรรเทาทุกข์ ม.10 ว.2

4. ข้อมูลคดีตามระบบฐานข้อมูลความรุนแรงต่อเด็ก สตรี และความรุนแรงในครอบครัว (www.violence.in.th) พบว่า ในปี 2563 มีการช่วยเหลือเบื้องต้น จำนวน 1,840 เรื่อง ประกอบด้วย การระงับเหตุและสอบถามผู้กระทำความรุนแรงในครอบครัว/ผู้ถูกกระทำด้วยความรุนแรงในครอบครัว มากที่สุด จำนวน 535 ราย รองลงมาคือการจัดให้ได้รับคำปรึกษาแนะนำจากจิตแพทย์ นักจิตวิทยา หรือนักสังคมสงเคราะห์ จำนวน 477 ราย และการจัดให้ได้รับการเข้ารักษาจากแพทย์ จำนวน 306 ราย และสำหรับปี 2564 มีการช่วยเหลือเบื้องต้น จำนวน 1,932 เรื่อง ประกอบด้วย การระงับเหตุและสอบถามผู้กระทำความรุนแรงในครอบครัว/ผู้ถูกกระทำด้วยความรุนแรงในครอบครัว มากที่สุด จำนวน 578 ราย รองลงมาคือการจัดให้ได้รับคำปรึกษาแนะนำจากจิตแพทย์ นักจิตวิทยา หรือนักสังคมสงเคราะห์ จำนวน 520 ราย และการจัดให้ได้รับการเข้ารักษาจากแพทย์ จำนวน 305 ราย

นอกจากนี้ ข้อมูลสถานการณ์ครอบครัวในช่วงการแพร่ระบาดของโควิด-19 พบว่า ข้อมูลเกี่ยวกับสถานการณ์ครอบครัวไทย ในปี 2563 เรื่องที่ได้รับผลกระทบมากที่สุด 3 อันดับแรก คือ การขาดรายได้/รายได้ลดลง ร้อยละ 89.38 รองลงมา ตกงาน/ไม่มีงานทำ ร้อยละ 25.54 และมีหนี้สินเพิ่มขึ้น ร้อยละ 18.55 ตามลำดับ และในปี 2564 เรื่องที่ได้รับผลกระทบมากที่สุด 3 อันดับแรก คือ มีรายได้ลดลง ร้อยละ 63.40 รองลงมา สุขภาพจิตเสื่อมโทรม ร้อยละ 54.19 และมีค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้น ร้อยละ 47.03 ตามลำดับ โดยสาเหตุสำคัญที่ทำให้เกิดความรุนแรงในครอบครัว 3 อันดับแรก คือ รายได้ลดลง/รายได้ไม่เพียงพอ/ไม่มีรายได้ รองลงมา ความเครียดจากการทำงาน และภาระหนี้สิน ตามลำดับ

 

ส่วนบทวิเคราะห์สถานการณ์ความรุนแรงต่อเด็ก สตรี และความรุนแรงในครอบครัว และข้อเสนอแนะเชิงมาตรการในการป้องกันและแก้ไขปัญหาความรุนแรงในครอบครัว และต่อการดำเนินงานตาม พ.ร.บ. คุ้มครองผู้ถูกกระทำด้วยความรุนแรงในครอบครัว พ.ศ. 2550 ในปี 2564 โดยสืบเนื่องถึงปี 2565 ได้แก่ การเสริมสร้างกลไกเครือข่ายในการดำเนินงานป้องกัน และแก้ไขปัญหาความรุนแรงในครอบครัวการเสริมสร้างกลไกพนักงานเจ้าหน้าที่ตาม พ.ร.บ. คุ้มครองผู้ถูกกระทำด้วยความรุนแรงในครอบครัว พ.ศ. 2550 การปรับปรุงกระบวนงานในการคุ้มครองช่วยเหลือผู้ถูกกระทำด้วยความรุนแรงในครอบครัว การเสริมสร้างมาตรการในการดำเนินงานป้องกันและแก้ไขปัญหาความรุนแรงในครอบครัว การเสริมสร้างกลไกเครือข่ายด้านความรุนแรงในครอบครัว การปรับปรุงกฎหมายป้องกันและแก้ไขปัญหาความรุนแรงในครอบครัวและการสร้างทัศนคติ ความรู้ความเข้าใจต่อประชาชนเพื่อยุติความรุนแรงต่อเด็ก สตรี และบุคคลในครอบครัว

 

“เพื่อลดและยุติความรุนแรงในครอบครัว ประชาชนที่พบเห็นเหตุการณ์ เหตุฉุกเฉิน และ/หรือได้รับความเดือดร้อนจากเหตุดังกล่าว สามารถร้องทุกข์ปัญหาและเหตุความรุนแรงทางสังคม ผ่านระบบไลน์ OA “ESS Help Me” หรือติดต่อสายด่วน พม. 1300 เพื่อให้เจ้าหน้าที่ประสานตำรวจและทีมสหวิชาชีพของกระทรวงฯ เข้าช่วยเหลือเหยื่อได้ทันที” น.ส.ทิพานัน กล่าว