ครม.อนุมัติหลักการแก้ไข ร่างพ.ร.บ.ประกันสังคม พ.ศ. 2533 เพิ่มเติมเงื่อนไขของการเป็นผู้ประกันตนและสิทธิประโยชน์ มีประเด็นสำคัญดังนี้
1.แก้ไขเพิ่มเติมประเภทของประโยชน์ทดแทน ในกรณีชราภาพ เป็น 3 ประเภท จากเดิม 2 ประเภท ได้แก่เงินบำนาญชราภาพ และเงินบำเหน็จชราภาพ โดยเพิ่ม “เงินบำนาจจ่ายล่วงหน้า”
2.แก้ไขเพิ่มเติม สิทธิประโยชน์ กองทุนประกันสังคม กรณีชราภาพ ให้ผู้ประกันตน สามารถได้รับเงินบำนาญชราภาพ หรือ เงินบำเหน็จชราภาพ หรือนำเงินกรณีชราภาพบางส่วนออกมาใช้ก่อน
หรือเป็นหลักค้ำประกันในการกู้เงินธนาคาร หรือสถาบันการเงิน ซึ่งเรียกว่า ขอเลือก, ขอคืน, ขอกู้ ดังนี้
2.1 ขอเลือก ให้ผู้ประกันตนที่จ่ายเงินสมทบแล้วไม่น้อยกว่า 180 เดือน และเมื่อมีอายุครบ 55 ปี บริบูรณ์ สามารถเลือกได้ระหว่างรับเงินบำนาญชราภาพ หรือเงินบำเหน็จชราภาพ ตั้งแต่เดือนที่ถัดจากเดือนที่อายุครบ 55 ปีบริบูรณ์ จากเดิมได้รับเงินชราภาพเท่านั้น
2.2 ขอคืน ให้ผู้ประกันตน สามารถนำเงินชราภาพบางส่วนมาใช้ก่อนมีอายุครบ 55 ปีบริบูรณ์
2.3 ขอกู้ ให้ผู้ประกันตน สามารถนำเงินชราภาพไปเป็นหลักประกันการกู้เงินกับธนาคารหรือสถาบันการเงินได้
3.การขยายอายุขั้นสูงของผู้ประกันตน ที่เป็นลูกจ้าง จากเดิมอายุ 60 ปีบริบูรณ์ เป็นอายุ 65 ปีบริบูรณ์ เพื่อให้แรงงานกลุ่มผู้สูงอายุ ได้รับความคุ้มครองในระบบประกันสังคม
4.การเพิ่มสิทธิประโยชน์กรณีอื่นๆ ได้แก่
4.1 เพิ่มประโยชน์ทดแทนในกรณีทุพพลภาพ เพิ่มเงินทดแทนการขาดรายได้ กรณีทุพพลภาพ จากร้อยละ 50 ของค่าจ้าง เป็นร้อยละ 70 ของค่าจ้าง
4.2 เพิ่มระยะเวลาในการจ่ายเงินสงเคราะห์การหยุดงาน เพื่อการคลอดบุตร โดยเหมาจ่ายในอัตราร้อยละ 50 ของค่าจ้าง ระยะเวลา 90 วัน เป็นระยะเวลา 98 วัน หรือระยะเวลาตามที่กำหนดในกฎกระทรวง
4.3 ขยายรับประโยชน์ทดแทนในกรณีสงเคราะห์บุตร โดยให้ผู้ประกันตนที่สิ้นสภาพการเป็นลูกจ้างและภายหลังการสิ้นสภาพเป็นผู้ประกันตน ได้รับประโยชน์ทดแทนในกรณีที่สงเคราะห์บุตรต่อไปอีก 6 เดือน