Good News

8 กุมภาพันธ์ 2022

รัฐบาลเพิ่มสิทธิ “หลักประกันสุขภาพ” ของแต่ละช่วงวัย

             นางสาวรัชดา ธนาดิเรก รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เผยว่า ปี 2565 รัฐบาลจัดสรรงบประมาณให้แก่สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ เพื่อบริหารจัดการสิทธิประโยชน์ให้กับประชาชนคนไทยทุกสิทธิหลักประกันสุขภาพ โดยเพิ่มเติมสิทธิประโยชน์ให้เหมาะกับความจำเป็นของแต่ละช่วงวัย ดังนี้

 

1.กลุ่มหญิงตั้งครรภ์และหลังคลอด สามารถขอรับคำปรึกษาการเตรียมความพร้อมที่จะมีบุตรได้ที่หน่วยบริการประจำที่ลงทะเบียนไว้ จากเดิมการดูแลการตั้งครรภ์ในสิทธิบัตรทองกำหนดไว้อย่างน้อย 5 ครั้ง ปรับขยายเป็น 8 ครั้ง และหากมีความจำเป็นสามารถดูแลได้มากกว่านั้น

 

2.กลุ่มเด็กเล็กอายุ 0 – 5 ปี เมื่อทารกคลอดออกมาจะได้รับการเจาะเลือดที่ส้นเท้า เพื่อตรวจภาวะพร่องไทรอยด์ฮอร์โมนและโรคฟินิลคีโตนูเรีย โดยปีนี้จะมีการขยายสิทธิประโยชน์ใหม่สำหรับการตรวจคัดกรองโรคทางพันธุกรรมเมตาบอลิก 40 โรค ด้วยเครื่อง Tandem mass spectrometry

 

3.กลุ่มเด็กโต – วัยรุ่น อายุ 6 – 24 ปี สำหรับผู้หญิงเมื่อเริ่มมีประจำเดือน มีสิทธิประโยชน์ในการตรวจเลือด เพื่อคัดกรองภาวะโลหิตจางที่อาจจะเกิดขึ้นได้ พร้อมสิทธิรับยาเสริมธาตุเหล็กและกรดโฟลิก และกลุ่มวัยรุ่นหรือที่บรรลุนิติภาวะแต่งงานแล้วแต่ตั้งครรภ์ไม่พร้อม สามารถขอรับคำปรึกษาได้

 

4.กลุ่มผู้ใหญ่อายุ 25 – 59 ปี มีสิทธิประโยชน์เพิ่มเติม คือ

 

4.1 ตรวจคัดกรองการกลายพันธุ์ของยีนโรคมะเร็งเต้านม คือ ยีน BRCA1 BRCA2 ในคนที่เป็นมะเร็งเต้านม และติดตามญาติสายตรง ที่เป็นกลุ่มเสี่ยงมารับการตรวจคัดกรอง ซึ่งจะได้รับการดูแลอย่างต่อเนื่อง

 

4.2 ตรวจคัดกรองมะเร็งปากมดลูกด้วยวิธี HPV DNA Test หรือแป็บสเมียร์ (Pap smear)

 

4.3 ตรวจคัดกรองโรคเสี่ยงมะเร็งและมะเร็งช่องปากในคนอายุ 40 ปีขึ้นไป และการป้องกันการติดเชื้อเอชไอวีหลังการสัมผัสเชื้อ (HIV PEP) กรณีหลังนี้ให้สิทธิในทุกกลุ่มวัย

 

5.กลุ่มผู้สูงอายุ 60 ปีขึ้นไป สิทธิประโยชน์จะมีความคล้ายคลึงกับกลุ่มวัยผู้ใหญ่ ซึ่งจะตรวจคัดกรองความดัน เบาหวาน มะเร็งลำไส้ใหญ่ เป็นต้น

 

             นางสาวรัชดา กล่าวต่อไปว่า พร้อมกันนี้ สปสช. ยังมีแนวทางการให้บริการยาเม็ดคุมกำเนิดชนิดรับประทานและถุงยางอนามัย ซึ่งจะทำให้ป้องกันการตั้งครรภ์ไม่พึงประสงค์ โดยเฉพาะในกลุ่มวัยรุ่น ตามสิทธิประโยชน์ด้านการส่งเสริมสุขภาพและป้องกันโรค โดยในปีนี้ สปสช. ได้เพิ่มจุดให้บริการ เพื่ออำนวยความสะดวกให้ประชาชนเข้าถึงบริการมากขึ้น คือ หน่วยบริการในระบบหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ ได้แก่ คลินิกการพยาบาลฯ ร้านขายยา โรงพยาบาลเอกชน คลินิกเวชกรรม และหน่วยบริการปฐมภูมิ กว่า 2,500 แห่งทั่วประเทศ ซึ่งยาเม็ดคุมกำเนิดชนิดรับประทาน จะให้บริการสำหรับหญิงไทยทุกสิทธิการรักษาพยาบาล อายุระหว่าง 15-59 ปี ขอรับผ่านแอปเป๋าตัง หรือใช้บัตรประชาชนไปรับที่หน่วยบริการข้างต้นได้ เริ่มให้บริการแล้วตั้งแต่วันที่ 1 ก.พ. 65 เป็นต้นไป

 

             ส่วนถุงยางอนามัย จะให้บริการแก่คนไทยทุกสิทธิการรักษาพยาบาลอายุ 15 ปีขึ้นไป รับบริการได้ครั้งละ 10 ชิ้น/สัปดาห์ รอบการจ่าย 7 วัน รับได้ 1 ครั้ง ไม่จำกัดจำนวนถุงยาง/คน/ปี  โดยใช้สมาร์ทโฟน Add Line สปสช. แล้วสแกน QR code ณ หน่วยบริการที่เข้าร่วมโครงการแจกถุงยางอนามัย เพื่อรับถุงยางอนามัยตามไซส์ โดยจะเริ่มให้บริการในช่วงเดือน เม.ย. 65 เป็นต้นไป