น.ส.ทิพานัน ศิริชนะ รองโฆษกพรรคพลังประชารัฐ กล่าวว่า ภายหลังร่างพ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปี 2563 ผ่านสภาฯไปเรียบร้อยแล้ว จะเข้าสู่การพิจารณาของส.ว.ในวันที่ 20 มกราคม 2563 หลังจากนี้ ส.ส.ของพรรคพลังประชารัฐ จะเร่งเดินหน้าติดตามการดำเนินงานโครงการต่างๆ ที่ได้รับการจัดสรรงบประมาณลงไปให้กับพี่น้องประชาชนในพื้นที่ในทันที
โดยเฉพาะโครงการที่แก้ไขปัญหาภัยแล้งซึ่งเป็นปัญหาแร่งด่วนและปัญหาความเดือดร้อนของประชาชนรองโฆษกพรรคพลังประชารัฐ กล่าวถึงภาพรวมของร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปี 2563 นั้น มีการพัฒนาครอบคลุมทุกด้าน ทั้งด้านเศรษฐกิจ สังคม สิ่งแวดล้อม และความมั่นคง เพื่อขับเคลื่อนการพัฒนาประเทศตามแนวทางยุทธศาสตร์ชาติให้ “ประเทศไทยมีความมั่นคง มั่งคั่ง ยั่งยืน เป็นประเทศที่พัฒนาแล้ว ด้วยการพัฒนาตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง”
ทั้งนี้ในด้านเศรษฐกิจนั้น ประชาชนจะมีระบบโลจิสติกส์ที่รองรับการเปลี่ยนรูปแบบการขนส่ง มีโครงข่ายคมนาคมมีความสะดวก รวดเร็ว และมีประสิทธิภาพ ด้วยการเชื่อมโยงจากถนนสู่ระบบราง ทางน้ำ และทางอากาศ ได้รับประโยชน์จากโครงการเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (EEC) และโครงการเขตเศรษฐกิจพิเศษ (SEZ) ขณะที่ผู้ประกอบการและวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (SME) วิสาหกิจเริ่มต้น (หรือสตาร์ทอัพ) จะได้รับการสนับสนุนส่งเสริมเพื่อให้สามารถสร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจได้ไม่น้อยกว่า 50,000ล้านบาท ผู้ประกอบการวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (SME ) จะได้รับการพัฒนาที่เหมาะสมและสอดคล้องกับศักยภาพและขนาดของธุรกิจ
น.ส.ทิพานัน กล่าวต่อว่า สำหรับการท่องเที่ยวมุ่งส่งเสริมและพัฒนาให้ประเทศไทยเป็นแหล่งท่องเที่ยวคุณภาพระดับโลกที่มีเอกลักษณ์โดดเด่นบนพื้นฐานของวัฒนธรรมไทย โดยกำหนดเป้าหมายการสร้างรายได้จากการท่องเที่ยว 540,000 ล้านบาท โดยจะพัฒนาฟื้นฟู 50 แหล่งท่องเที่ยวใน 38 จังหวัดทั่วประเทศ ส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงสร้างสรรค์และวัฒนธรรม การท่องเที่ยวเชิงธุรกิจและกีฬา การท่องเที่ยวเชื่อมโยงภูมิภาคในส่วนของภาคการเกษตรนั้น
น.ส.ทิพานัน กล่าวว่า จะมีการพัฒนาที่ดินเพื่อเพิ่มผลผลิตทางการเกษตร 80,000 ไร่ จัดทำโครงการบริหารจัดการการผลิตสินค้าเกษตรตามแผนที่เกษตรเชิงรุก (Agri -Map), โครงการพัฒนาเกษตรกรปราดเปรื่อง (Smart Farmer Smart Farmer Smart Farmer), โครงการพัฒนาศักยภาพกระบวนการผลิตสินค้าเกษตร, โครงการยกระดับคุณภาพมาตรฐานสินค้าเกษตร และที่สำคัญคือดำเนินโครงการให้เกษตรกรเข้าถึงแหล่งทุนและแก้ไขปัญหาที่ดินทำกินของเกษตรกร รวมถึงก่อสร้างแหล่งน้ำในไร่นานอกเขตชลประทาน”ขณะนี้ยังมีการบริหารจัดการน้ำเพื่อแก้ปัญหาภัยแล้งก็เป็นเรื่องเร่งด่วน ร่างพ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปี 2563 กำหนดงบประมาณเพื่อบูรณาการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำและให้ความสำคัญกับการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำทั้งระบบ โดยมีการกำหนดเป้าหมายการจัดการน้ำผ่านโครงการสำคัญต่างๆ เพื่อให้บรรลุเป้าหมาย 6 ด้าน คือ
1. บริหารจัดการทรัพยากรน้ำครอบคลุมทั้งหมด 25 ลุ่มน้ำ
2. มีการจัดการน้ำภาคการเกษตรและอุตสาหกรรมอย่างสมดุลและเพิ่มผลิตภาพการใช้น้ำ
3. เพื่อบรรเทาน้ำท่วมและอุทกภัยในพื้นที่ชุมชน พื้นที่เศรษฐกิจ และพื้นที่เกษตรอย่างเป็นระบบ
4. พัฒนาพื้นที่ป่าต้นน้ำที่เสื่อมโทรมให้ได้รับการอนุรักษ์ฟื้นฟู ป้องกันการชะล้างพังทลายของดิน
5. ให้หมู่บ้านและชุมชนเมืองมีน้ำสะอาดในการอุปโภคบริโภค ในพื้นที่ขาดแคลนมีแหล่งน้ำสำรองที่มีมาตรฐานที่ราคาเหมาะสม
และ 6. มีการจัดการบำบัดน้ำเสีย ฟื้นฟูแหล่งน้ำธรรมชาติเพื่อรักษาสมดุลของระบบนิเวศน์”
น.ส.ทิพานัน ยังกล่าวด้วยว่า พรรคพลังประชารัฐได้กำชับให้ส.ส.ของพรรคเร่งทำงานเพื่อติดตามความคืบหน้าของโครงการตามนโยบายต่างๆ โดยขอให้ลงพื้นที่ทั่วประเทศเพื่อรับฟังปัญหาและความต้องการของประชาชนแบบเคาะประตูบ้าน เพื่อรวบรวมเสียงสะท้อนและปัญหาต่างๆของประชาชน นำมาประกอบกับการดำเนินนโยบาย เพื่อนำมาปรับปรุงให้เหมาะสม มีประสิทธิภาพ และเป็นธรรมอย่างทั่วถึง ซึ่งนอกจากกลไกของส.ส.แล้ว ยังมีในส่วนของอดีตผู้สมัครส.ส.ของพรรคที่จะทำหน้าที่รับเรื่องร้องเรียนต่างๆจาก ประชาชนเพื่อนำมาประสานงานต่อในระดับบริหารของรัฐบาลและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอีกด้วย”พรรคพลังประชารัฐมุ่งแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนของประชาชน ไม่ว่าจะเป็นปัญหาปากท้อง ปัญหาภัยแล้ง ปัญหาพืชผลทางการเกษตร เราฟังเสียงสะท้อนของประชาชนและหาทางช่วยเหลือ บรรเทาความเดือดร้อน ทั้งการเยียวยาเฉพาะหน้า และการแก้ไขปัญหาระปานกลางและระยะยาว เพื่อให้เกิดความยั่งยืน” รองโฆษกพรรคพลังประชารัฐ กล่าว