Good News

11 พฤษภาคม 2021

ครม.ไฟเขียวเพิ่มวงเงิน “เราชนะ” และ “ม.33 เรารักกัน” ให้ผู้มีสิทธิ์รายเดิม

นายกรัฐมนตรี เผย ครม.เห็นชอบ โครงการเสริมสร้างความเข้มแข็งของเศรษฐกิจฐานราก วงเงิน 45,000 ล้าน ฟื้นฟูเศรษฐกิจ หลังโควิดบรรเทา พร้อมอนุมัติอัดเงินโครงการ เราชนะ – ม 33 เรารักกัน ลั่น ไม่ต้องการเอาอำนาจรวมศูนย์มาใช้เอง บอก รู้ดีไม่เท่าหมอ ขอ อบ่าขัดแย้ง – แบ่ง แยก ชี้เวลานี้ไม่ใช่เวลาการเมือง ต้องทำเพื่อประชาชนที่เขาเลือกเข้ามา

 

พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม กล่าวภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี ถึงมาตรการทางเศรษฐกิจว่า มีการพิจารณาโครงการเสริมสร้างความเข้มแข็งของเศรษฐกิจฐานราก วงเงิน 45,000 ล้าน เพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจท้องถิ่นและชุมชนบนพื้นฐานของโอกาสและศักยภาพของท้องถิ่น ซึ่งจะเร่งดำเนินการทันทีเมื่อสถานการณ์ของ โควิด นั้นบรรเทาลง โดยมีคณะกรรมการขับเคลื่อนไทยไปด้วยกัน เป็นกลไกสำคัญภายใต้การติดตามของรองนายกรัฐมนตรีทุกคน

 

นอกจากนี้คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบการเพิ่มเงินสนับสนุนในโครงการเราชนะอีกคนละ 1,000 บาทเป็นเวลา 2 สัปดาห์ จะมีประชาชนได้รับประโยชน์กว่า 33.5 ล้านคน รวมทั้งการเพิ่มเงินช่วยเหลือผู้ประกันตนผ่านโครงการม 33 เรารักกัน อีกสัปดาห์ละ 1,000 บาท 2 สัปดาห์ โดยจะขยายโครงการออกไปถึงเดือนมิถุนายน ซึ่งจะสามารถช่วยเหลือประชาชนได้มากกว่า 8 ล้านคน ซึ่งใช้งบประมาณกว่า 40 ล้านบาท ทั้งหมดคือการทำงานอย่างเต็มที่ของตนและผู้เกี่ยวข้องทุกคนที่ทำงานร่วมกัน ซึ่งเป็นประโยชน์และพิสูจน์ได้ตามหลักการของการแพทย์และสาธารณสุขที่ต้องคิดร่วมกัน

 

โดยนายกรัฐมนตรี ยังกล่าวอีกว่า ตนเองไม่สามารถรู้ได้ทั้งหมด เพียงแต่ว่านำข้อมูลมาสังเคราะห์ หาปัญหาและอุปสรรคให้เจอ ว่าตรงไหน นายกรัฐมนตรีจะสามารถปลดล็อคให้ได้ แต่ไม่ได้หมายความว่านายกรัฐมนตรีจะเอาอำนาจเหล่านั้นมาใช้ด้วยตัวเอง เพราะตนรู้ไม่เท่าหมอ วันนี้ก็ทำงานอย่างนี้มาโดยตลอด โดยศบค. บูรณาการร่วมกัน ทำงานต่อเนื่องทุกวันไม่มีวันหยุด ในการวางแผนการให้ความช่วยเหลือประชาชน คลี่คลายสถานการณ์การแพร่ระบาดโควิด และบรรเทาสถานการณ์ทางเศรษฐกิจปัญหาปากท้องของประชาชน ในการ เตรียมความพร้อมเข้าสู่อนาคตของไทย และตอบรับโอกาสที่จะมาถึง ยืนยันว่าตนให้ความสำคัญกับการท่องเที่ยวด้วย อย่างไรก็ตาม จะต้องเตรียมว่าพื้นที่จังหวัดใดบ้างที่มีความพร้อม เพื่อให้สอดคล้องกับมาตรการต่างๆ ที่องค์กรต่างประเทศกำหนดมา โดยเฉพาะอย่างยิ่งการแพร่ระบาด การนำคนเข้าออกประเทศ เราคิดแต่ก็ต้องดูหลักการสำคัญของประชาคมโลกด้วย

 

ซึ่งในช่วงท้ายนายกรัฐมนตรีระบุว่า ขณะนี้คนไทยทั่วประเทศและทั่วโลกกำลังเผชิญสถานการณ์กับศัตรูตัวร้ายที่ไม่เคยพบเจอมาก่อนที่ชื่อว่าไวรัส โควิด -19 และทางเดียวที่เราจะเอาชนะ กับศัตรูตัวนี้ได้ คือการร่วมแรงร่วมใจร่วมมือกันแก้ปัญหา ไม่ใช่การขัดแย้ง หรือแบ่งแยกกัน อนาคตของประเทศไทยต่อจากนี้ จะขับเคลื่อนไปได้อย่างมั่นคงเพียงใด ขึ้นอยู่กับเราทุกคน ที่จะต้องรวมใจให้เป็นหนึ่งเดียวและเดินไปพร้อมกัน วันนี้ไม่ใช่เวลาทำการเมืองทั้งสิ้น แต่เป็นเวลาที่ทำให้บ้านเมืองและประชาชน และเลือกเข้ามาทำงาน นี่คือหน้าที่ของรัฐบาลในเวลานี้ ตนขอความร่วมมือจากทุกภาคส่วนด้วย ฝนขอบคุณทุกๆคนที่มีส่วนร่วมในการแก้ไขปัญหามาโดยตลอด อะไรที่มีปัญหาขัดข้องไม่เข้าใจ ก็ให้สอบถามมาตนก็ยินดีให้หน่วยงานตอบกลับไป